Earwig and the Witch มหัศจรรย์แม่มดอาย่า

วันนี้ทีมงานขอ แนะนำอนิเมะ สุดน่ารักอย่างเรื่อง Earwig and the Witch หรือ มหัศจรรย์แม่มดอาย่า เป็นเรื่องราวของสาวน้อยอาย่า ที่เป็นเด็กกำพร้า จนวันหนึ่งเธอได้พบกับสามีภรรยาคู่หนึ่งในฐานะพ่อแม่บุญธรรม และได้พาเธอไปจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วสารภาพว่าที่จริงแล้วพวกเขาเป็นแม่มด

และอาย่าได้ค้นพบกับพลังพิเศษและความสามารถด้านเวทย์มนตร์ สำหรับ เรื่องราวในหนังเรื่องนี้ จะสนุก และน่าติดตามแค่ไหน รีวิวจากทางเรามีคำตอบให้คุณอย่างแน่นอนค่ะ ถ้าหากเพื่อนสนใจอยากชมอนิเมะสนุกๆ เราขอแนะนำเว็บดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง doonungvip.com เว็บหนังคุณภาพระดับวีไอพี ตามไปชมกันได้เลยค่ะ

แม่ลูก

ข้อมูลทั่วไป

อนิเมะเรื่องนี้ คืออนิเมชันที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ Diana Wynne Jones ที่เผยแพร่ในปี 2011 นี่เป็นงานอนิเมชันที่มีบรรยากาศในยุโรป นอกจากนี้ Diana Wynne Jones ยังเป็นนักเขียนจากอังกฤษที่เคยเขียนนวนิยายวรรณกรรมชื่อ Howl’s Moving Castle ในปี 1986

และถูกนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมชันโดย Hayao Miyazaki ในอดีตเช่นกัน นิยายเน้นเรื่องเวทมนตร์คาถาและการผจญภัยของแม่มดมือใหม่ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเรื่องราวที่ Hayao Miyazaki เคยเล่าในหนังแม่มดขี่ไม้กวาดส่งของเรื่อง Kiki’s Delivery Service

Earwig and the Witch ตัวละครเด็ก

อนิเมะเรื่องนี้ คือภาพยนตร์อนิเมชั่น 3 มิติที่สร้างโดยสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ซึ่งเป็นผลงานแรกที่มีการใช้เทคโนโลยี 3D animation จากสตูดิโอนี้ เรื่องราวเริ่มต้นจากนิยายเด็กชื่อเดียวกันของ ไดอาน่า วินน์ โจนส์ นักเขียนหญิงชื่อดังจากอังกฤษ และนำมาปรับเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น

โดยเรื่องแรกที่ได้รับความนิยมของเธอคือ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ (Howl’s Moving Castle) ที่สร้างโดยสตูดิโอจิบลิ ซึ่งได้รับความนิยมสูงในปี 2004 จากสาวกอนิเมชั่นทั่วโลก

เนื้อเรื่องย่อ

อาย่าเด็กหญิงจอมแก่นจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของคุณนาย Morwald ถูกทิ้งไว้หน้าสถานรับเลี้ยงตั้งแต่เธอยังเป็นทารก พร้อมกับเทปคาสเซ็ตต์ที่มีชื่อของเธออยู่ และกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่บันทึกข้อความจากแม่ที่บอกว่าเธอต้องจัดการกับแม่มดร้ายอีก 12 รายที่เหลือก่อนที่จะมารับเธอกลับมาดูแลในภายหลัง เพราะแบบนี้เองอาย่าเลยเป็นเด็กที่ไม่เคยกลัวอะไรและมีความผูกพันกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของคุณนาย Morwald เป็นอย่างมาก

ตัวละคร

เมื่อมีผู้อุปการะมาเลือกเด็กกำพร้าไปเลี้ยงดู อาย่าจะทำตัวให้น่าเกลียดน่ากลัว ทำตาเหล่ตาเข ไม่น่ารัก เพื่อจะได้อยู่กับคุณนาย Morwald ตลอดไป ในหนึ่งวัน มีคู่สามีภรรยาท่าทางพิรุธ ที่แสดงอาการชั่วร้ายลึกลับภายใต้ชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ดูดีและมีสกุลเกิดตัดสินใจเลือกเด็กหญิง อาย่า ไปเลี้ยงดูเธอไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นต้องเก็บข้าวของทั้งหมดและย้ายไปอยู่กับคู่สามีภรรยาที่ไม่น่าไว้วางใจคู่นี้

อาย่า ที่ถูกฝ่ายแม่บุญธรรมสารภาพเมื่อถึงรังของเธอว่าเธอเป็นแม่มด และต้องการให้ อาย่า เป็นลูกมือในการปรุงสูตรยาต่างๆ และนี่เป็นสาเหตุทำให้อาย่าตื่นเต้นกับการผจญภัยและประสบการณ์ใหม่ อาจจะมีการรบเร้าของเธอกับคุณนายแม่มดจอมหน้าบึ้งว่าอยากให้เธอสอนเธอวิชาปรุงสูตรยาและถ่ายทอดวิชามนตร์ดำให้กับเธอ

แนะนำตัวละครหลัก

อายาสึรุ หรือ อาย่า

เด็กสาวที่เติบโตในบ้านที่เลี้ยงเด็กกำพร้าเซนต์มอร์วาลด์ที่มีทรงผมเป็นเอกลักษณ์และแหกกฎแรงโน้มถ่วงมากมีแม่มดนำไปวางหน้าประตูบ้าน เธอมีนิสัยดื้อรั้นมั่นใจและแก่นแก้วบ้างชอบทำอะไรพิเรนทร์แต่เป็นที่รักของทุกคนในบ้านที่เลี้ยงเด็กกำพร้า อาย่ามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งคือคัสตาร์ดเด็กหนุ่มขี้กลัวเวลามีคนมาดูเด็กไปเลี้ยงเธอจะทำตัวน่าเกลียดเพื่อไม่ให้ตนถูกเลือก เพราะอาย่าอยากจะอยู่กับคัสตาร์ดที่นี่ตลอดเวลา

เบลล่า ยากะ

แม่มดปริศนาที่ได้รับเลี้ยงอาย่าจากบ้านเด็กกำพร้าซึ่งถูกทิ้งไว้ เธอมีรูปร่างที่อวบอ้วนและมีเส้นผมยาวสีฟ้าอมม่วง และไฝที่คางด้านซ้ายที่โดดเด่น เธออาศัยอยู่บนถนนไลม์ด้วยแมนเดร็ก กับแมวที่ชื่อว่าโทมัส เบลล่า และเธอมีนิสัยที่น่ากลัว ไม่ค่อยยิ้มแย้มแถมยังใช้งานอาย่าอย่างหนักด้วย เธอเป็นผู้ช่วยในการทำคาถาเวทมนต์ต่าง ๆ ตามคำขอที่ได้รับจ้างมาทำ เธอเคยเป็นมือกลองที่เก่งกาจของวงดนตรีที่ชื่อ EARWIG แต่สมาชิกคนหนึ่งของวงได้ตัดสินใจออกจากวงไปแล้วในอดีต

Earwig and the Witch แม่มด

แมนเดร็ก

พ่อมดปริศนาที่มีหูแหลมยาวและแว่นตากลมโตคือคนที่มีลักษณะเด่นต่าง ๆ เขาขี้โมโหและขี้รำคาญมากๆ ในเช้าวันใดวันหนึ่งเขานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะอาหารเป็นประจำทุกวัน สมาชิกทุกคนในบ้านรู้ว่าต้องไม่ทำให้แมนเดร็กโกรธเพราะถ้าโกรธแล้วเขาจะทำลายอาหารของและอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำให้แมนเดร็กชอบอยู่ในห้องแห่งมิติของตัวเอง เมื่อก่อนเขาเคยเป็นมือออร์แกนในวง EARWIG วงที่เดียวกับเบลล่า

โทมัส

เจ้าเหมียวโทมัสเป็นแมวสีดำที่ถูกใช้งานเป็นอสูรหรือลูกมือของแม่มดเบลล่า เพื่อช่วยในการทำมนตร์คาถาขลังโดยต้องใกล้ชิดลูกมือเนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้มนตร์คาถา แม้อาจจะไม่สามารถพูดได้เหมือนแมวทั่วไป โทมัสมีหน้าที่ในการช่วยทำมนตร์คาถาป้องกันเวทมนต์ทุกรูปแบบให้แก่ตัวเองและแม่มดเบลล่าเพื่อป้องกันมนต์ที่เบลล่าใช้ได้

คัสตาร์ด

เด็กหนุ่มที่มีผมสีทองสวยงาม ตัวเล็กน่ารัก เขาอาศัยอยู่ในบ้านของเด็กกำพร้า และเป็นเพื่อนสนิทของอาย่า มีนิสัยที่มองโลกในแง่ดี เลยโดนอาย่าแซวเล่นอยู่บ่อยครั้ง เวลามีคนจะมารับเด็ก ๆ ไปเลี้ยงอาย่าก็จะพาคัสตาร์ดทำตาเหล่ไปอีกคนด้วยเหตุผลเดียวกัน

วิเคราะห์อนิเมชั่นเรื่อง Earwig and the Witch

หนังอนิเมชัน เป็นงานแรกของค่าย Studio Ghibli ที่ใช้เทคโนโลยี 3D Computer-Generated-Imagery (CGI) เต็มรูปแบบ น่าสังเกตได้ว่าภาพในหนังนี้มีความร่วมสมัยและแตกต่างจากงานอื่นๆ การกำกับของ Goro Miyazaki พยายามให้ลักษณะตัวละครมีความเป็นเอกลักษณ์ของ Studio Ghibli แต่ในเวลาเดียวกัน เนื้อหาของหนังมีบรรยากาศสวยงามและสีสันมากเนื่องจากเป็นงาน CGI นี่เป็นลักษณะที่แตกต่างจากงานอนิเมชัน CGI ฝั่งอเมริกาอย่างชัดเจน

ค่าย Studio Ghibli ได้ใช้องค์ประกอบที่เสริมเข้ามาอย่างชัดเจนในผลงานใหม่ของพวกเขาเอาไว้รวมกันอย่างมาก งานนี้เน้นรายละเอียดของแสงเพื่อรักษาความสมจริงให้เห็นได้อย่างที่ไม่เคยมีในงานก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีมิติมุมมองใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ชมไม่รู้สึกวนย่ำจำเจอรูปแบบที่เคยมีในงานเก่าๆ

แม่มดและเด็ก

ในนิยาย เนื้อเรื่องเป็นความท้าทายอย่างมากที่สุดอยู่ที่ภาพความอัปลักษณ์ของตัวละครแม่มดปรุงยา ซึ่งมีพลิกขั้วจากการเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นผู้ร้าย นอกจากนี้ ตัวละครหลักอย่างอาย่าก็ไม่มีความอ่อนโยนและแสบซน ส่วนตัวละครแม่มดผู้น่ารักในเรื่อง Kiki’s Delivery Service ก็ไม่มีอยู่ในนิยายนี้

ภาพยนตร์ ที่กำกับโดย Goro Miyazaki กล้าหาญที่จะเลือกนำเสนอเนื้อหาของนิยายสั้นของ Diana Wynne Jones และถือว่าเป็นงานวรรณกรรมสำหรับเยาวชนที่ไม่เหมือนความยากลำบากใดๆ นอกจากการอยู่รอดจากการถูกเอาเปรียบในโลกที่ชั่วร้าย แม้ว่าเนื้อหาในภาพยนตร์จะอิงมาจากวรรณกรรมเยาวชนต้นฉบับของ Diana Wynne Jones ก็ตาม ซึ่งภาพยนตร์นี้ไม่ได้ให้คติสอนใจใด ๆ นอกเหนือจากการเอาตัวเองให้รอด นับเป็นงานวรรณกรรมสำหรับเยาวชนที่แตกต่างจากความจรรโลงใด ๆ 

ภาพยนตร์อนิเมะ  หรือ มหัศจรรย์แม่มดอาย่า เป็นเรื่องที่ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นอนิเมชั่นที่ผลิตโดยค่ายจิบลิคหรือไม่ แต่พบแอนิเมชั่นนี้บน Netflix และตัดสินใจดู เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นอนิเมชั่นของอังกฤษ เนื่องจากมีลายเส้นในรูปแบบ 3D อย่างมาก โดยเรื่องราวนี้สามารถชมได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงทุกวัย เป็นการผ่อนคลายที่ดีอีกด้วย พอได้ดูแล้วรู้สึกสนุกมากๆ แม้ว่าจะมีปมจบที่ทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก แต่มั่นใจว่าน่าจะมีภาค 2 ออกมาอย่างแน่นอน

ในส่วนการดำเนินเรื่องของการ์ตูนนี้ดำเนินไปได้อย่างดีทำให้ผู้ชมได้รู้จักนิสัยและลักษณะตัวละครมากขึ้น และเห็นความแปลกใหม่ของห้องปรุงคาถาของแม่มดที่ไม่เคยเห็นในการ์ตูนเรื่องอื่น ส่วนงานภาพเป็นแบบแปลกใหม่และสวยงาม แต่ส่วนตัวชอบแบบภาพ 2D มากกว่าเพราะคิดว่าเป็นเสน่ห์ของสตูดิโอจิบลิไปแล้ว ในขณะที่เพลงของวง EARWIG ก็มีความเพราะมากๆ

และโดยส่วนตัวของคาร์แรกเตอร์น้องอาย่ามาก กล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ อีกทั้งยังขยันอีกด้วย ถ้าได้ลองจินตนาการว่า ถูกรับไปเลี้ยงโดยแม่มด ในขณะเดียวกันยังต้องทำงานหนักอีกด้วย และถูกดุจนต้องออกจากบ้าน คงหนีไปตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้วแหละ

ควรค่าแก่การดูหรือไม่ Earwig and the Witch

แนวคิดที่น่าสนใจและน่าพอใจในคำว่า มนต์ขลังของ Mandrake ทำให้เขาสามารถลอดผ่านกำแพงของบ้านที่มีห้องที่สลับซับซ้อนอยู่แล้ว เมื่ออาย่าทำให้เขาระเบิดด้วยความโกรธ วงกลมสีแดงที่แผดเผาซึ่งบอกเป็นนัยถึงการมาถึงของเขาทำให้การรับชมตึงเครียด

ในทำนองเดียวกันวิธีการสร้างเวทย์มนตร์ก็แย่มากที่นี่ คือ การใช้หนังสือคาถาและส่วนผสมที่เหมาะสมเพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการในการกำจัดอาย่าและแม่มด แสดงให้เห็นว่าเวทมนตร์เป็นเหงื่อและสาดน้ำจากคนใดคนหนึ่งเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

Earwig and the Witch ตัวละครหลักเด็ก

เรื่องนี้นำเสนอเพลงประกอบภาพยนตร์แนวร็อคสไตล์ร็อคในยุค 70 ตามลำดับเวลา นักดนตรีชื่อนี้เป็นที่ชื่นชอบอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าเทปแคสเซ็ตที่ Earwig ค้นพบอาจมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอดีตที่ถูกทิ้งของเธอมากกว่าแค่เพลงที่สวยงาม แต่นี่คือเนื้อเรื่องเพลงที่ทิ้งไปและถูกตัดสินใจในช่วงเวลาต่างๆ

สำหรับการสร้างภาพยนตร์และไม่ได้รับการกล่าวถึงไว้ในข้อความต้นฉบับ และเล่าเรื่องจบอย่างไม่คาดคิดว่าการวางแผนที่วางขึ้นด้วยการทิ้งของ Earwig เกี่ยวกับการที่เธอถูกทอดทิ้งในช่วงเริ่มต้นของชีวิตเวลาเป็นทารกซึ่งเป็นจุดจบที่น่าตกใจของภาพยนตร์ โดยไม่มีคำถามเกี่ยวกับการวางแผนทั้งหมดที่ถูกกล่าวถึงในข้อความ

บทสรุปของการรีวิวเรื่องนี้ Earwig and the Witch

อนิเมะคือฉบับงานวรรณกรรมเยาวชนของ Diana Wynne Jones และฉบับหนังอนิเมชัน 3D CGI ของ Goro Miyazaki ที่สื่อถึงความหลากหลายในงานสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชนที่ไม่จำเป็นต้องมีเนื้อหาและบรรยากาศแบบอ่อนใสโลกสวยเพียงด้านเดียว นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอมุมมืดหม่นอัปลักษณ์ที่สะท้อนสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ได้ผ่านเรื่องราวการผจญภัยของตัวละครที่ดูเหมือนจะมีแต่ฝ่ายอธรรมมาห้ำหั่นกันเองได้เช่นกัน

ความร้ายกาจของ  ทำให้มันแตกต่างจากงานอนิเมชันสำหรับเด็กทั่วไปที่มอบเนื้อหาที่สำหรับผู้ใหญ่เข้าใจโลกและชีวิตอย่าง Watership Down (1978) ของ Martin Rosen หรือ James and the Giant Peach (1996) ของ Henry Selick สุดท้าย, ยังคงมองโลกในแง่ดีกว่า

Earwig and the Witch แม่มดปล่อยเวทมนต์

ค่าย Studio Ghibli ได้สร้างงานอนิเมชันที่น่าพอใจ โดยเรื่องนี้มีความแปลกใหม่และล้ำไกลจากงานก่อนหน้าที่สร้างขึ้นจากค่ายนี้ งานนี้เป็นการลงทุนเสี่ยงเหลือเกินในการสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ด้านศิลปะที่ผู้ชมอาจไม่พึงพอใจด้วย แต่แล้วก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ใครที่ได้ดูก็สนุกๆ เพลินๆ ไปพร้อมกัน แนะนำเลยสำหรับเรื่องนี้

อ่านรีวิวจบแล้ว เราขอแนะนำอนิเมะอีกเรื่อง The Monkey King พญาวานร ตำนานเทพวานร เห้งเจีย ที่พวกเราคุ้นเคย เชิญตามไปอ่านรีวิวกันก่อนได้เลยค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *