Sonic The Hedgehog 2 สวัสดีครับเพื่อนๆที่ชอบการชมอนิเมชั่นทุกคน วันนี้เราจะมีรีวิว แม่นสายฟ้า ที่อาจจะเป็นหนังเข้าใหม่ที่ไตเติ้ลยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ แม่นสีฟ้าจ้าวความเร็ว ที่พวกเราคุ้นเคยกันดีนั่นแหละครับ เป็นหนึ่งในหนังที่ดัดแปลงมาจากเกมเพียงไม่กี่เรื่อง ที่ตอนนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงเลยก็ว่าได้ครับ ทั้งในแง่ของรายได้และคำวิจารณ์ ด้วยการออกแบบที่ยอดเยี่ยม การประยุกต์ด้านเนื้อเรื่องที่ลงตัวแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่าย ฉากแอคชั่นรวดเร็วและสร้างสรรค์ ถ้าจะถามผมว่าหนังบล็อคบัสเตอร์ที่ดีควรเป็นยังไง โซนิคภาคแรกก็น่าจะอยู่ในลิสต์นี้อย่างไม่ต้องสงสัยครับ ดูอนิเมะ
เนื้อเรื่องย่อโดยรวม Sonic The Hedgehog 2
เวลาผ่านไปไม่นานภาคที่2 ของมันก็ตามออกมาครับ ถือว่าค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะว่าระยะเวลาของมันห่างจากภาคแรกไม่นานเลยค ตีซะว่าประมาณเกือบๆ 2 ปีแล้วกัน การกลับมาครั้งนี้ของเจ้าแม่นสีฟ้าก็พาความน่าตื่นเต้นหลายอย่างกลับมาด้วย ดูจากตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมา เราจะได้เห็นตัวร้ายหลักคนเดิมอย่างโรบอทนิค ที่ถูกจัดการไปแล้วในภาคที่แล้วนั่นแหละครับ เขาสามารถย้ายก้นจากดาวเห็ดกลับมายังโลกด้วยวิธีอะไรบางอย่าง แถมยังพ่วงมาด้วยตัวละครใหม่ๆอย่างเจ้าสีแดงนักเคิล ที่ต้องบอกว่าแค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าพี่แกเล่นโหดขนาดไหน แถมพลังที่โชว์ในเทเลอร์มันยิ่งโหดกว่าเดิมอีก หรือจะเป็นตัวเหลืองสองหางอย่างเทลล์ สองผู้มาเยือนใหม่นั้นจะมีเจตนาอย่างไรกันแน่ สุดท้ายแล้วแผนการของโรบอทนิกที่พกความแค้นมาอย่างเต็มเปี่ยมจะเป็นยังไง และ Sonic ของเราจะรับมือกับมันแบบไหน ทั้งหมดหาคำตอบได้ใน แม่นสายฟ้า
ถ้าผมจะพูดถึงความรู้สึกหลังดู ก็ต้องขอบอกไว้ก่อนอย่างนึงแล้วกันครับ ผมเนี่ยเป็นคนนึงที่แทบจะไม่ได้เล่นเกมเลย คือเล่นบ้างเหมือนกันครับ เล่นเยอะด้วยแหละ แต่ว่าไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องเลยครับกดข้ามตลอด ดังนั้นถ้าจะบอกว่าผมรู้เนื้อเรื่องในส่วนของเกม Sonic ก็เป็นไปไม่ได้ครับ การ์ตูนก็ไม่เคยดู แต่ว่าผมเนี่ยชอบหนังภาคแรกของมันมากๆ อย่างที่เคยรีวิวไปครับ ในบรรดาหนังจากเกมเนี่ย ยังไงก็มีหนังเรื่องนี้ติดท็อปความชอบของผมอยู่แน่นอนครับ ซึ่งพอเป็นแบบนั้นแล้ว ก็ต้องบอกว่าเราตั้งความหวังกับภาคสองของมันไว้เยอะเหมือนกัน
ความรู้สึกหลังชมโซนิคภาคใหม่จนจบ
หลังจากดูจบจริงๆแล้ว มันเป็นยังไง ก็ต้องบอกตรงๆว่า ดีเสียแบบครึ่งๆครับ เพราะมีทั้งสมหวังและก็มีผิดหวังปนๆกันไป ถ้าจะถามว่าชอบภาคไหนมากกว่ากันระหว่างภาค 1 และภาค 2 ก็ต้องบอกว่าชอบภาคแรกของมันมากกว่าครับ ซึ่งถ้าถามว่าทำไมเป็นแบบนั้น เรามาฟังเหตุผลก็แล้วกันครับ แม่นสายฟ้า ภาพรวมของโซนิคภาคนี้ จะเน้นจากไปที่ฉากแอคชั่นครับ ด้วยความที่ตัวละครใหม่มีพลังเจ๋งๆเยอะมาก อย่างนักเคิลและเทลล์ที่เขาบินได้อย่างรวดเร็ว มันก็เลยมีพื้นที่ให้โชว์เยอะมากๆ โดยเฉพาะเจ้ากล้ามโตสีแดงครับ พี่แกเนี่ยโหดมากในด้านของความสามารถ ปกติแล้วเราจะเห็น Sonic ที่ได้เปรียบในเรื่องของความเร็ว ดังนั้นฉากต่างๆก็จะเป็นการใช้ความสามารถด้านความเร็วในการแก้ปัญหา แต่นักเคิลหนักกว่ามากครับ เขาบ้าพลังแบบไม่ต้องลีลาให้มากความ เจออะไรก็เข้าต่อสู้อย่างเดียว ดังนั้นทุกฉากที่โซนิคจะต้องปะทะกับพี่แดงเขาเนี่ย มันก็จะน่าดูชมมากๆครับ เพราะเป็นการใช้ทักษะที่แตกต่างกันเข้าต่อสู้กัน เป็นการประยุกต์จากตัวเกมมาอยู่ในหนังได้อย่างดีเลย
การตัดฉากทำแบบรวดเร็ว เน้นความสนุกมากกว่าจะเล่าเรื่องอย่างละเอียด
ถ้าใครคิดภาพการต่อสู้ในเรื่องนี้ไม่ออก ก็ลองคิดภาพการ์ตูนอย่างดราก้อนบอลก็ได้ครับ มันรวดเร็วระดับนั้นเลย ส่วนใครที่คาดหวังความบู๊จากฉากแอคชั่นเยอะๆ บอกเลยว่าเรื่องนี้มันจะเสิร์ฟให้คุณได้อย่างเต็มอิ่ม โดยเฉพาะเซอร์ไพรส์ในช่วงท้ายนะครับ ถ้าเกิดว่าใครยังไม่โดนสปอยถือว่าดีแล้วครับ ถ้าเกิดว่าอยากดูจริงๆอย่าพลาดไปโดนสปอยในฉากสุดท้ายแล้วกันครับ ในด้านฉากแอคชั่น ผมมองว่าเป็นจุดใหญ่จริงๆครับ ที่ผมคิดว่ามันพัฒนามาจากภาคแรกได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้ว่าไคลแม็กช่วงท้ายสุดมันจะไม่ได้น่าสนใจเท่ากับช่วงแรกๆก็ตาม แต่กลับกันในด้านของตัวละครผมมองว่ามันถอยลงอย่างหน้าประหลาดใจ ทั้งๆที่มีตัวละครใหม่ๆเข้ามามากมาย ควรจะได้ความสัมพันธ์ต่างๆที่น่าจะเป็นจุดที่มีอะไรให้เล่นเยอะ แต่กลับไม่ค่อยเน้นในส่วนนั้น คือก็มีพูดถึงอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ลงลึกอะไรมากพอ
เอาจริงๆแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ ผมแทบจะไม่อินกับปมของเจ้านักเคิลที่ต้องต่อสู้กับโซนิคเลยนะครับ คือเข้าใจครับว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหนึ่งเดียวกันกับตัวละครนั้นๆ ปัญหาหลักเลยก็คือหนังเนี่ยมันดูรีบจริงๆ ทำทุกอย่างแบบรีบๆ เลยดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยมีเวลามากพอในการบ่มเพาะความรู้สึกเหล่านี้ครับ
พล็อตเนื้อเรื่องยังขาดรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้ไปไม่สุด
ส่วนอีกประเด็นนึงของโซนิค ที่เกี่ยวกับการก้าวผ่านไปเป็นฮีโร่นั้น จริงๆแล้วแกนหลักของมันเนี่ยทำออกมาได้ดีนะครับ แต่ว่ามันกลับขาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ควรจะมี มันก็เลยทำให้ความอินลดลงไปเหมือนกัน แล้วความเรืยบง่ายของหนัง ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะการเล่าเรื่องเท่านั้น มันรวมไปถึงฉากแอคชั่นด้วยครับ ทุกอย่างมันจะดูถูกเซ็ทมาอย่างอลังการใหญ่โต แต่ว่ากลับถูกใช้เพียงนิดเดียว บางฉากเนี่ย เซ็ตออกมาได้อย่างน่าสนใจมากๆเลยครับ มองแล้วก็รู้สึกว่า เฮ้ย มันต้องมีฉากแอคชั่นที่ดีมากๆเกิดขึ้นในฉากนี้ แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วก็จบลงอย่างรวดเร็ว ก็สงสัยเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าพี่เขาจะรีบไปไหนเหมือนกัน ให้เราดูเพิ่มอีกสักหน่อยก็ไม่ได้เหรอครับ
ดูเหมือนจะมีแนวทางในการทำที่แตกต่างไปจากภาคแรกครับ ภาคนี้เนี่ยดูเหมือนจะเน้นไปที่การทำให้ออกมาให้ได้อารมณ์ คล้ายกับต้นฉบับที่เป็นเกมครับ ต้องมีฉากนั้นต้องทำแบบนี้ มันเลยอาจจะเป็นข้อจำกัดที่ทำให้เรื่องราวมันไม่ปะติดปะต่อ ราบลื่นเหมือนกับภาคแรกก็เป็นได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสังเกตก็คือ CG ครับ หลายๆฉากจะดูลอยๆ ไม่เนียนยังไงชอบกล แต่ในฉากเดียวกันเอง เราก็จะได้เห็น CG ขั้นเทพเนียนตาแบบสมูทด้วยนะครับ ก็กลายเป็นฉากแปลกๆเหมือนกัน ที่เราจะได้เห็นทั้งงานที่เทพมากๆพร้อมๆกับงานที่แปลกๆพร้อมกันในซีนเดียว ผมเลยรู้สึกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บางครั้งตอนดูก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นไปได้
สุดท้ายก็คือมุกบางอันของเรื่อง มันโคตรจะฝืดครับ ไอ้มุกที่ขำเนี่ยก็มีครับ แล้วก็เป็นหนึ่งในมุกที่ผมรู้สึกว่าเล่นได้อย่างชาญฉลาดมากๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นมุกเฉพาะทางเกินไป เหมือนเป็นมุกที่เล่นแล้วรู้กันแค่คนอเมริกาอะไรแบบนั้น ไอ้มุกแบบหลังเวที Limp Bizkit อันนี้คือฟังแล้วก็แบบว่า “เอ่อผมต้องรู้ไหมเนี่ยว่า Limp Bizkit คืออะไร” ฟังแล้วก็เออตามนั้นแหละครับพี่
บทสรุปภาพรวมของ Sonic The Hedgehog 2
หนังเรื่องนี้มันยิ่งใหญ่และอลังการขึ้นแบบสุดกู่เลยครับ แต่ว่ามันกลับขาดเสน่ห์บางอย่างไป นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกได้เกี่ยวกับ Sonicซึ่งก็แน่นอนครับ มันไม่แปลกหรอกที่หนังแนวนี้จะไม่เน้นในจุดที่มันเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เขาเน้นขายฉากแอคชั่นและขายความมัน แค่ทำให้สนุกก็จบแล้วหรือเปล่า ก็ตอบว่าใช่ครับ ถูกเลยอันนี้ผมไม่เถียง เพียงแต่ว่าภาคแรกของมันเคยทำเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถเล่าเรื่องที่ดีได้พร้อมกับแอคชั่นที่ดีด้วย
รวมถึงมีรายละเอียดก็ยอดเยี่ยมไม่ขาดตกบกพร่อง ถ้าเกิดว่าเราดูแล้วไม่เอาไปเทียบกับภาคแรกมันก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ แต่ก็อย่างที่บอกไปครับว่าผมนั้นชอบภาคแรกมากขนาดไหน และด้วยความที่มันเป็นภาคต่อในซีรีย์เดียวกันจะไม่ให้ผมนำไปเทียบกับภาคแรกก็คงจะไม่ได้
ดังนั้นผมคงต้องให้คะแนน 6.5 เต็ม 10 จากทีมงานรีวิวอนิเมะของพวกเรา ต้องบอกว่า แม่นสายฟ้า ได้อย่างเสียอย่างครับ สำหรับความรู้สึกของผมตอนดูเรื่องนี้ จริงๆแล้วมันเป็นหนังที่ดูสนุกนะครับ ยิ่งถ้าเกิดว่าคุณจะพาครอบครัวไปดูหนังสักเรื่องนึงในสุดสัปดาห์นี้ พาแฟนหรือพาใครไปดูหนังภาคนี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่คุณมีก็ได้ครับ มันย่อยง่ายแล้วก็ดูได้ทั้งครอบครัวจริงๆ ส่วนตัวแล้วผมคาดหวังมาก ก็เลยผิดหวังมากเป็นธรรมดาครับ
ขออธิบายการอ่านบทวิจารณ์ในเว็บ Rod Tomato กันหน่อย
เอาแบบตรงๆ ผมก็แอบขวัญใจเหมือนกันที่บ่นหนังเรื่องนี้ไปซะเยอะเลย แต่ว่าผมก็ขอรีวิวตามความรู้สึกของตัวเองแล้วกันครับ จะให้อวยอย่างเดียวเนี่ยมันก็ได้นะครับแต่ว่าไม่ดีกว่า สุดท้ายครับขอพูดถึงคะแนนหนังจากเว็น Rod Tomato ที่แชร์กันใน Facebook อย่างล้นหลาม ต้องบอกก่อนว่าเว็บนี้ เราสามารถดูคะแนนตรงๆเลยก็ได้นะครับ มันก็จะได้เป็น 67% กับ 98% ใช่ไหมครับ แต่ถ้าเกิดว่าคลิกเข้าไปดูจริงๆในส่วนของนักวิจารณ์ มันก็จะมีนักวิจารณ์ระดับท็อปอยู่ ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกว่าเขาเจ๋งกว่าหรอกนะ หรือว่าเขาเก่งกว่าแต่อย่างใด แค่เขาเหล่านั้นได้รับการคัดสรรแล้วละกันครับ พอกดเข้าไปตรงนั้นแล้ว คะแนนฟังนักวิจารณ์กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด หนังกลายเป็นได้คะแนนเพียงแค่ 39% ซึ่งไม่ต้องหมายความว่านักวิจารณ์ตัวท็อปของเว็บนี้ เขามองว่าภาคนี้ก็กร่อยอย่างที่พวกเราคิดจริงๆนะครับ ถ้าคุณไปดูคะแนนโดยรวมแบบนักวิจารณ์ทุกคนเลย ก็จะออกมาที่ 5.9 คะแนนเต็ม 10 ซึ่งเรียกว่าใกล้เคียงมากกับคะแนนของช่องเรา ถ้าอย่างนั้นเราก็น่าจะอยู่ฝั่งนักวิจารณ์เช่นเดียวกันครับ สุดท้ายที่สุดไม่ว่าคะแนนรีวิวของพวกเราจะเท่าไหร่ หรือคอมเม้นต์จะเป็นยังไง คุณเท่านั้นที่เป็นคนให้คำตอบจากสายตาของคุณเองครับ