รีวิว Shikkakumon no Saikyou Kenja ตราสัญลักษณ์ ข้อมูลและความสามารถ ปราชญ์หนึ่งในใต้หล้ากับตราสุดอัปยศ ผมต้องบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่า บทความนี้มีเนื้อหาที่มาจากนิยายเล่มมังงะ ใครที่เป็นแฟนอนิเมะ ก็ขอให้ข้ามบทความนี้ไปก่อน หรือควรจะหานิยายหรือมังงะมาอ่านก่อนเลย ตราสัญลักษณ์หรือ The Place มันคือสัญลักษณ์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดลักษณะพลังเวทย์ ที่บุคคลนั้นสามารถใช้ได้ ดูหนังพากย์ไทย ตราสัญลักษณ์จะถูกสลักไว้ที่หลังมือของบุคคลนั้นๆ โดยตราสัญลักษณ์จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ประเภทมีเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้นที่เกิดมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์สิ่งมีชีวิตอื่น เช่นมังกรปีศาจหรือมอนสเตอร์จะไม่มีตราสัญลักษณ์แบบนี้ แต่พวกมันก็ยังสามารถที่จะใช้เวทมนต์ได้
ตราสัญลักษณ์อาจจะเปรียบเสมือนกลไกเอาชีวิตรอดของมวลมนุษย์เพื่อที่จะให้พวกเขาสามารถอยู่รอดได้ มนุษย์ไม่สามารถที่จะเลือกตราสัญลักษณ์ตามที่ตนชอบได้ครับ เมื่อมนุษย์เกิดมาพวกเขาจะได้รับตราใดตรา 1 ใน 4 ตรานี้ ซึ่งแล้วแต่ดวงตราสัญลักษณ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตราที่ได้มาจะติดตัวไปจนวันตาย วิธีการเปลี่ยนตรามีเพียงแค่การไปเกิดใหม่ เหมือนที่ไกอลาสทำให้เห็นในตอนที่ 2 ของอนิเมะครับ ตราสัญลักษณ์แต่ละอันจะมีความถนัดและข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน แต่แน่นอนว่ามันก็ขึ้นอยู่กับตัวของผู้ใช้ด้วย คราวนี้เรามาทำความรู้จักกับความสามารถของตราทั้ง 4 กันดีกว่าครับ
ข้อมูลเบื้องต้น ปราชญ์เทพเกิดใหม่ไปเป็นตราไร้ค่า Shikkakumon no Saikyou Kenja
- ชื่อเรื่อง : ปราชญ์หนึ่งในใต้หล้ากับตราสุดอัปยศ (Shikkakumon no Saikyou Kenja)
- ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : The Strongest Sage with the Weakest Crest
- ชื่ออื่น : เกิดใหม่ไปเป็นตราไร้ค่า
- ต้นฉบับ : ไลท์โนเวล (Light novel)
- ปีที่ออกอากาศ : ปี 2022
- ประเภท : แอคชั่น (Action), ผจญภัย (Adventure), แฟนตาซี (Fantasy)
- ตัวละครหลัก : Hildesheimer Mathias พากย์เสียงโดย Tamaki Nina อดีตนักปราชญ์ผู้กลับชาติมาเกิดใหม่เพื่อต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น
- Iris พากย์เสียงโดย Izawa Shiori : เด็กสาวที่ดูภายนอกแล้วเธอนั้นไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป แต่แท้จริงแล้วเธอคือมังกรดำแห่งหายนะ
- Aventrot Lurie พากย์เสียงโดย Suzushiro Sayumi : เด็กสาวผู้มีบุคลิกขี้อาย มีอารมณ์แปรปรวนในบางครั้งเมื่อพบกับเรื่องที่ไม่ชอบ
- Lepsius Arma พากย์เสียงโดย Shiraishi Haruka
ดวงตราที่หนึ่ง ตราแห่งเกียรติยศ รีวิว Shikkakumon no Saikyou Kenja
ตราที่ 1 ในสมัยก่อนมันถูกเรียกว่าตราแห่งการสรรสร้าง แต่ในยุคปัจจุบันมันถูกเรียกว่าตราแห่งเกียรติยศ ตราที่ 1 มีความสามารถโดดเด่นในเรื่องของการสร้างอาวุธ แต่เรื่องการต่อสู้นั้นถือเป็นตราที่อ่อนแอที่สุด นอกจากเรื่องการต่อสู้แล้วอัตราการเติบโตและการเรียนรู้พลังเวทย์อย่างต่ำมากอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรดวงตราที่ 1 ก็ยังมีข้อดีการเรียนรู้พลังเวทย์ ในช่วงแรกของตราที่ 1 นั้นจะเรียนรู้ได้เร็วกว่าตราอื่นๆ แต่หลังจากผ่านช่วงแรกไปการเรียนรู้เวทก็จะช้าลงถึงช้ามากๆ เพราะงั้นในช่วงแรกของตราที่ 1 ผู้ใช้จำเป็นจะต้องฝึกหนักเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด ดู Mobile Fighter G Gundam หุ่นนักสู้สะท้านปฐพี จี กันดั้ม
ดวงตราที่ 1 จะถนัดในเรื่องของการบรรจุเวย์ โดยการบรรจุเวทย์ส่วนใหญ่มักจะใช้กับพวกอาวุธหรืออุปกรณ์ ถ้าเราสังเกตจากในเรื่องเวลาที่มีการต่อสู้โดยการใช้ดาบ เราจะเห็นการบรรจุเวทย์ใส่อาวุธอยู่บ่อยครั้ง เช่นทำให้อาวุธคมขึ้นหรือกว้างขึ้น ผ่าเหล็กออกได้ หรือพลังการกระแทกแรงๆ อะไรพวกนั้น นี่คือการบรรจุเวทย์ครับ การบรรจุไว้ในอาวุธจะทำให้อาวุธมีประสิทธิภาพตามเวทย์ที่บรรจุลงไป ซึ่งการบรรจุเวทย์ตราไหนๆก็ทำได้ครับ แต่ตราที่ 1 จะสามารถบรรจุได้ดีกว่าตราอื่นๆ อาวุธที่มีประสิทธิภาพส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นมาจากตาที่ 1 นี่แหละครับ
การสร้างอาวุธของตราที่ 1 ก็ถือว่าเป็นสายซัพพอร์ตที่ดี เวลาตราที่ 1 สามารถสร้างอาวุธขึ้นมาจากวัตถุดิบแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแร่หรือชิ้นส่วนของมอนสเตอร์ ในการต่อสู้แบบทีมการสร้างอาวุธหรืออุปกรณ์ของตราที่ 1 ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทีมเป็นอย่างมากอีกด้วย
ดวงตราที่สอง ตราแห่งสามัญ
ดวงตราที่ 2 ในสมัยก่อนตรานี้ถูกเรียกว่าตราแห่งอำนาจ แต่ในยุคปัจจุบันมันกลับถูกเรียกว่าตราแห่งสามัญ ดวงตราที่ 2 มีความแข็งแกร่งในเรื่องของการโจมตีระยะไกลแถมยังรุนแรงมาก มันเปรียบเสมือนตำแหน่งแครี่ของทีม แม้ตราที่ 2 จะต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในช่วงแรก เพราะเป็นตราที่เรียนรู้ได้ช้า แต่เมื่อผ่านช่วงระยะเวลานั้นมาได้ ตราที่ 2 ก็จะเปรียบเสมือนขุมกำลังหลักที่แข็งแกร่งของทีม แม้จะมีข้อเสียตรงที่ยิงเวทย์มนต์ได้ช้ามาก และมักจะแพ้ทางศัตรูขนาดใหญ่หรือศัตรูสายต่อสู้ระยะประชิด แต่ก็แลกมาด้วยการโจมตีที่หนักหน่วงและรุนแรง อาวุธที่ตรา 2 ถนัดที่สุดส่วนใหญ่จะเป็นอาวุธระยะไกลเช่นธนูหรือหน้าไม้ ในยุคนั้นเหมือนจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าปืนนะครับ ธนูจึงเป็นอาวุธที่ดวงตราที่ 2 ถนัดที่สุด อีกทั้งธนูยังช่วยลบจุดอ่อนของตราที่ 2 นั่นคือการโจมตีที่ธนูยังช่วยเพิ่มจุดเด่นของตราที่ 2 ในเรื่องของการโจมตีที่รุนแรงอีกด้วยการเลือกใช้คาถาที่เหมาะสมเองก็ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมการโจมตีได้ เช่นคาถานำวิถีที่ผู้ใช้สามารถควบคุมลูกทะลุได้ตามใจลึก และยิ่งคันธนูกับลูกธนูทำมาจากวัสดุที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่พลังโจมตีจากตราที่ 2 ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น บุคคลที่มีตราที่ 2 จึงถือเป็นกำลังรบที่สำคัญมากๆในการบุกโจมตี
ดวงตราที่สาม ตราแห่ง คริส ออฟ ลาพีซไฟเออร์
ตราที่ 3 ตรานี้ในสมัยก่อนถูกเรียกว่า คริส ออฟ ลาพีซไฟเออร์ ในยุคปัจจุบันมันถูกเรียกว่า Press Of Razer ผมเองก็ไม่ทราบว่าจะแปลเป็นภาษาไทยยังไงดี ชื่อก็เอาตามภาษาอังกฤษไปก่อนแล้วกันนะครับ ตราที่ 3 จะเก่งในด้านของการใช้เวทมนตร์ต่อเนื่องระยะกลางแต่มีพลังโจมตีต่ำ ในตราที่ 3 จะใช้เวทย์ได้แค่เวทย์ไปกับเวทย์แสง แต่ถ้าหากหมั่นฝึกฝนอย่างหนักตราที่ 3 จะสามารถจัดการกับศัตรูที่มีจำนวนมากได้ดี ตราที่ 3 จะแข็งแกร่งอย่างมากในการต่อสู้กับพวกกองทัพศัตรู แม้พลังการโจมตีระยะการโจมตีจะไม่เท่ากับตราที่ 2 ก็ตาม แต่ก็สามารถเสริมด้วยความเร็วรัว ที่มีความต่อเนื่องทำให้ทำดาเมจได้เรื่อยๆแ ถมต่อคอมโบได้ง่ายแต่เนื่องจากในยุคสมัยปัจจุบันมนุษย์ไม่ใช่ใช้เวทย์ร่ายกันประสิทธิภาพของตราที่ 3 จึงลดลง เพราะมัวแต่ร่ายคาถาการโจมตีรูได้เร็วที่เป็นจุดแข็งจึงใช้ได้อย่างไม่เต็มที่ แม้ภายหลังจะได้รับการแก้ไขโดย Martials แล้วแต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งในโลกแห่งนี้เท่านั้นแม้บทบาทของตราที่ 3 ในเรื่องนี้จะไม่เยอะแต่ก็ถือเป็นตราที่มีความสำคัญมากอย่างยิ่ง
ตราที่ 4 ในสมัยก่อนมันถูกเรียกว่าตราแห่งยุทธภพ แต่ในยุคปัจจุบันมันกลับถูกเรียกว่าตราอัปยศ ตราที่ 4 แข็งแกร่งในเรื่องการต่อสู้ระยะประชิดแม้จะมีระยะการโจมตีที่สั่น แต่กลับได้พลังการโจมตีเทียบเท่าตราที่ 2 และอัตราการโจมตีต่อเนื่องเทียบเท่าตราที่ 3 เนื่องจากรูปแบบการต่อสู้รวมถึงเวทมนต์นั้นเป็นแบบระยะไกลสตาร์ทที่ 4 จึงมักจะเสียเปรียบกับศัตรูที่โจมตีระยะไกลแต่กระนั้นผู้ใช้ตราที่ 4 กลับเชี่ยวชาญในการเรียกเวทย์ป้องกันเป็นอย่างมาก และตราที่ 4 ยังแข็งแกร่งในเรื่องของการเสริมพลังกายและพลังเวทย์การใช้เวทย์ของตราที่ 4 ยังถือว่าใช้น้อยกว่าตราอื่นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นตราเดียวที่เน้นการต่อสู้ระยะประชิด แต่ในทางกลับกันทั้งการบรรจุเวทย์หรือการสร้างอาวุธ ตราที่ 4 กลับทำได้ห่วยที่สุด อาวุธที่ตราที่ 4 มักจะใช้คือ ดาบคนที่มีตราที่ 4 ส่วนใหญ่มักจะฝึกฝนวิชาดาบเพิ่มเติม ตราที่ 4 ยังถือเป็นตราที่ใช้ต่อสู้กับพวกปีศาจได้ดี เนื่องจากปีศาจไม่ถนัดการต่อสู้ระยะใกล้ ตราที่ 4 ยังถือเป็นตราที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้เรื่อยๆอย่างไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะในสมัยก่อนหรือในสมัยนี้ถือเป็นตราที่มีความแข็งแกร่งที่สุด แม้ปัจจุบันอาจจะถูกเรียกว่าตราอัพยศ แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับคนใช้ด้วยเหมือนกัน
ความรู้สึกหลังชมตัวอย่างอนิเมะ
อย่างแรกเลยคือรู้สึกได้ว่าตัวละครในอนิเมะมีความแตกต่างจากฉบับมังงะมากอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ Mathias ซึ่งดู ๆ ไปแล้วแทบจะเหมือนเป็นคนละคนกันเลยครับ เมื่อเทียบกับฉบับมังงะ หากคนที่เคยอ่านมังงะมาก่อนเชื่อว่าบางคนคงรู้สึกไม่ต่างกันกับผู้เขียน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน โดยรวมองค์ประกอบต่าง ๆ ภาพ ฉาก และซาด์ดนตรีประกอบถือว่าอยู่ในระดับที่ดีใช้ได้ไม่ถึงกับว้าว เพราะสิ่งที่เห็นส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่ค่อยต่างจากอนิเมะแนวต่างโลกเรื่องอื่นสักเท่าไหร่
แต่สิ่งที่น่าสนใจเห็นจะเป็นในส่วนของเนื้อเรื่อง ที่ถึงแม้จะเป็นแนวเกิดใหม่แต่ก็ยังคงเกิดอยู่ในโลกเดิมที่เวลาล่วงไปแล้วหลายปีจนยุคสมัยเปลี่ยนไปทำให้สิ่งที่ตัวละครคิดไว้ไม่เป็นดังที่หวัง ถ้าใครที่ชื่นชอบอนิเมะแนวนี้อยู่แล้วก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องค่ะที่น่าเพิ่มเข้าไปในลิสต์เก็บไว้ด
หลังจากที่ Mathias ตัดสินใจมาเกิดใหม่ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อเมื่อพบว่าตราสัญลักษณ์ที่ตัวเองได้ครอบครองนั้นคือตราที่ผู้คนต่างมองว่าเป็นตราอัปยศในยุคสมัยที่เวทมนตร์อ่อนแอ หากอยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ล่ะก็ต้องไปติดตามชมในอนิเมะเรื่อง ปราชญ์หนึ่งในใต้หล้ากับตราสุดอัปยศ (Shikkakumon no Saikyou Kenja) ก่อนจะจากกันไปยังไงฝากผู้อ่านที่น่ารักทุกคนติดตามผลงานบทความอื่นของ Juni ด้วยครับ
บทสรุป ปราชญ์เทพเกิดใหม่ไปเป็นตราไร้ค่า รีวิว Shikkakumon no Saikyou Kenja จากทีมงานรีวิวของเรา
มีหลายคนที่เห็นถึงความแข็งแกร่งของ มาติอัส ไม่ว่าจะเป็นในชาติก่อนที่ใช้ดวงตราที่หนึ่ง ซึ่งกากที่สุด จนใต่เต้าขึ้นมาจนกลายเป็นจอมปลัดอันดับ 1 ของโลกหรือมาติอัสในชาตินี้ที่ใดที่สุดมาสิ่งหนึ่งที่เขามักจะบอกกับผู้คนที่ถามถึงความแข็งแกร่งของเขามันเป็นคำตอบง่ายๆ ที่หลายคนอาจจะฟังดูเป็นเรื่องตลกเสมอว่า เขาแค่ฝึกฝนฝึกใช้ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆแค่นั้นการฝึกของเขาไม่ใช่แค่วันสองวันแต่เป็นปีเป็น 100 ปีเป็นพันปีใช้แค่ความพยายามล้วนๆแม้จะแบ่งแค่ไหนมาติอัสก็ยังหาคู่ต่อสู้ที่แกร่งขึ้นไปอีกนี่แสดงให้เห็นไม่ว่าคุณจะได้ตราแบบไหนสุดท้าย ท้ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนความพยายามและการพลิกแพลงอาจจะดูไร้สาระสำนึกไปบ้างแต่คนที่ไม่คิดจะออกจากกรอบเดิมๆ ไม่มีวันแข็งแกร่งขึ้นเด็ดขาดเอาล่ะครับขอจบเรื่องราวของตราสัญลักษณ์ทั้ง 4 เป็นที่เรียบร้อยครับสำหรับคลิปวีดีโอนี้คงจะมีเพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับ