รีวิว Puss in Boots : The Last Wish การผจญภัยกับชีวิตที่เก้า สวัสดีครับเพื่อนๆชาวนักอ่านรีวิว สำหรับ Puss in Boots: The Last Wish อาจจะช้าไปสักหน่อยสำหรับการรีวิวนะครับ หลังจากที่ผมดูจบก็รู้สึกว่าถ้าเกิดว่าพลาดไปก็คงจะน่าเสียดายครับ นี่คืองาน 10 เต็ม 10 เรื่องแรกของปี แต่ว่าจริงๆหนังมันก็เข้าตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมแล้วนะครับ ก็ไม่รู้จะเรียกแบบนั้นได้หรือเปล่า สำหรับเรื่อง Puss in Boots: The Last Wish เนี่ยมันดียังไง เจ๋งขนาดไหน เดี๋ยวผมรีวิวให้อ่านกันครับ โดยเรื่องราวของ Puss in Boots: The Last Wish จะพาเราไปดูชีวิตสุดท้ายจาก 9 ชีวิตของเจ้าแมวสุดเท่ตัวนี้ครับ มันเป็นเรื่องราวของการออกผจญภัยเพื่อไปขอพรที่จะทำให้เขากลับมามี 9 ชีวิตอีกครั้ง แต่ว่าทุกอย่างก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นครับ เพราะเขาต้องหนีการไล่ล่าของเดธ หมาป่านักล่าค่าหัวที่หมายจะเอาชีวิตสุดท้ายของเขา เขาจะทำสำเร็จได้หรือไม่ทำการขอพรครั้งนี้ ติดตามได้ใน Puss in Boots: The Last Wish ครับ ดูอนิเมะ
อนิเมชั่นเรื่องใหม่ในจักรวาลแห่งเชร็ค รีวิว Puss in Boots
อนิเมชั่นเรื่องนี้มันยอดเยี่ยมยังไง? ขอบอกไว้ก่อนสำหรับคนคนที่จะไปดูนะครับ คุณไม่จำเป็นต้องดูภาค 1 หรือดูหนังเรื่องเชร็คมาก่อนก็สามารถดูรู้เรื่องครับ อันนี้ไม่ต้องกังวลเลย ความรู้สึกหลังดูจบของผมคือสมบูรณ์แบบและกลมกล่อม มันเข้ากันไปหมด มันสนุกซาบซึ้งและที่สำคัญที่สุดก็คือมันย่อยง่ายครับ อาจจะแปลกๆนะครับที่พูดว่าอนิเมชั่นที่มีกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นเด็กเหมือนย่อยง่าย แต่ประเด็นที่หนังเล่าให้เราฟัง แม้จะไม่ได้แปลกใหม่แต่มันมีมุมมองที่น่าสนใจ แมวชีวิตที่ 9 มันไม่เหมือนกับคนที่เป็นมะเร็งใกล้ตายครับ แมวตัวนี้สัมผัสความตายไปแล้วถึง 8 ครั้ง แต่ตอนนี้เขาก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเขาเองก็ตายได้เหมือนกัน
พล็อตเรื่องน่าสนใจ ถ่ายทอดคุณค่าของชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม
อนิเมชั่นเรื่องนี้นั้นสื่อสารเรื่องราวของคุณค่าของชีวิตได้ดีมากๆ เราจะได้เห็นตัวละครที่มีพรที่ต้องการแตกต่างกันออกไป บางตัวละครนั้นต้องการเพียงแค่สิ่งเล็กๆง่ายๆ บางตัวละครต้องการสิ่งที่ยิ่งใหญ่ บางพรนั้นก็ชวนให้เราตั้งคำถามว่ามันจำเป็นต้องใช้อำนาจพิเศษเพื่อให้สมหวังจริงหรือเปล่า ประเด็นเหล่านี้ที่ดูเหมือนจะยากเย็น หนังออกมาได้อย่างสบายๆครับ เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กได้อย่างสบาย และถ้าเกิดว่าคุณเป็นผู้ใหญ่คุณจะเข้าใจว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา Puss in Boots: The Last Wish ไม่มีที่ว่างของความน่าเบื่อ ตั้งแต่วินาทีแรกยันตอนจบ ผมจดจ่อกับมัน ทึ่งกับความคิดสร้างสรรค์ที่เราคาดไม่ถึง โดยเฉพาะกับการนำความได้เปรียบที่โลกพื้นหลังของอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นโลกนิทานมาใช้ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่อยากจะสปอยนะครับว่ามันมีอะไรบ้าง อันนี้คนอยากไปดูกันเอาเอง
และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือความน่ารักของเรื่องนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวหลักที่เป็นแมว คู่หูตัวใหม่ของพุชที่เป็นหมาชิวาวา มันเหมือนว่าเราในกำลังนั่งดูคลิปหมาแมววน่ารักต่อเนื่องยาวเป็นชั่วโมงครับ ผมนึกภาพไม่ออกจริงๆว่าคุณจะไม่ชอบความน่ารักของเจ้าพวกนี้ได้ยังไง แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้นะครับ เพราะสิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือ ฉากแอคชั่นต่างๆก็ถูกออกแบบมาอย่างดีครับ ทั้งลื่นไหล เท่ห์ และที่สำคัญก็คือมันมีน้ำหนักในเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะกับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายครับ
ฉากแอคชั่นยอดเยี่ยม สนุกชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง
ช่วงหลังๆเราพูดเสมอว่าฉากแอคชั่นที่ดีควรจะมีน้ำหนักของเนื้อเรื่อง มีความหมายและมีเดิมพันที่มากพอ ผมว่าหนังในช่วงที่ผ่านมาแล้วมันมีฉากแบบนี้ไม่เยอะครับ บ่อยครั้งก็เป็นฉากแอคชั่นโชว์ของ หรือต่อให้พยายามจะทำให้ฉากแอคชั่นมีน้ำหนักขึ้นมา ก็ดันทำไม่ถึงอีกครับ แต่ว่า Puss in Boots: The Last Wish นั้นทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมครับ และนี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆของฉากแอคชั่นที่มีน้ำหนักต่อ เนื้อเรื่อง มันเป็นฉากที่ไม่ใช่แค่ตอนที่เรานั่งดูแล้วเรารู้สึกว่ามันสวยงามก็รุนแรง แต่ว่าเราคนดูนั้นรู้สึกร่วมไปกับมันด้วยครับ รู้สึกอยากให้ฟังที่เราเชียร์นั้นชนะ รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของการต่อสู้ รู้สึกได้เหมือนกับการก้าวข้ามอะไรบางอย่างของตัวละครที่กำลังต่อสู้ครับ
สำหรับใครที่เผลอกดหรือตั้งใจเข้ามาดูการรีวิว Puss in Boots: The Last Wish ซึ่งเป็นภาคต่อจากอนิเมชั่นเมื่อปี 2017 ต้องบอกว่ารอคอยกันมาอย่างยาวนานสำหรับเรื่องนี้ จุดเริ่มต้นของมันจริงๆอยู่ในหนังเรื่องเชร็ค ขอเรียกว่าอนิเมชั่นก็แล้วกัน เชร็คเป็นตัวละครอยู่ในเรื่องนั้น นั่นคือในจักรวาลเดียวกัน แล้วมันเป็นแบบภาคแยก ในส่วนของเรื่องย่อจะพูดถึงตัวของพุชที่ได้สู้กับยักษ์หรืออะไรสักอย่างนึง พวกเขาสู้กันแล้ว เกิดอุบัติเหตุทำให้ต้องเสียชีวิต และชีวิตที่เสียไปเนี่ย คือชีวิตที่ 8แล้ว ดังนั้นจึงทำให้พุชต้องเหลือแค่ชีวิตเดียวซึ่งเป็นชีวิตสุดท้าย จากนั้นเขาเริ่มรู้สึกว่าเห็นถึงคุณค่าของชีวิต และเริ่มรู้สึกว่าชีวิตมันสำคัญ
ปรัชญาและเหตุผลของหนังถือว่าผ่าน
ช่วงแรกจะเป็นปรัชญานิดนึง แล้วทีนี้เขาก็ออกมาจากการรักษาและไปเจอกับกลุ่มนึงเป็นกลุ่มของนักล่าค่าหัวที่มาล่ารางวัล หรือว่ามาล่าค่าหัวเขานั่นเอง ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายแต่นิดหน่อย จไปเจอกับหมาตัวนึงชื่อเฟิร์นลูกเป็นหมาเฟอโร่ มันเป็นหมาที่ค่อนข้างจะมีความเป็นมิตรในความแบบ relationship สูงมากระดับหนึ่ง ถือว่าเป็นหมาที่ดี และต้องไปเจอกับความรักที่ทำให้คุณเนี่ยรู้ว่า เราสามารถทำให้ชีวิตที่ก้าวเดินของเรากลับมาคบกันใหม่ได้อีกครั้ง การออกเดินทางตามหาอะไรสักอย่างทำให้พุชสามารถกลับมาเป็น Push in Hood ในตำนานได้ เรื่องย่อก็จะเป็นประมาณนี้
เรื่องของเรื่องนี้แอดไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่อแบบนั้นตรงๆเลยไหม แต่รู้สึกว่าประเด็นของพุชในภาคนี้มันต่างจากภาพก่อนเยอะมาก เรื่องนี้ยังมีความยาวมากดราม่ามันไม่เนียน คือมันดราม่าตั้งแต่เริ่มแล้ว แต่ว่ามันยังกลบด้วยความขี้เล่น ไปเน้นความติ๊งต๊องบ้าบอ เนื้อเรื่องเฮฮาต่างๆเหล่านั้นที่เขาอยากเล่านั่นคือ สิ่งที่มันพยายามหลอกเรา แต่ว่าเรื่องนี้ถือว่าดราม่าเหมือนกัน
ประเด็นที่ 2 สิ่งที่หนังให้เราโฟกัสจริงๆ มันเป็นเพียงเรื่องของมิตรภาพและเรื่องราวของการที่เรารู้จักอะไรบางอย่าง เราจึงสร้างขึ้นอะไรอย่างนี้จริงๆ มันเป็นอะไรที่ใส่มาได้เนียนมากๆ เพราะถ้าหากคุณมองข้ามมัน จะดูเป็นอนิเมชั่นแบบเฮฮาไปเลย แต่ถ้าหากดูจริงจัง คุณจะรู้เลยว่ามันดราม่าสุดๆ มัน realistic มาก เรื่องนี้มีความยาวแบบเยอะและอีกอย่างนึงหนังจะให้เรามุมมองของพุชชี่เราไม่เคยเห็นมาก่อน หรือเราเนี่ยไม่คิดว่าจะได้เห็นด้วย ถือว่าเป็นมุมมองที่ดี ผมไม่อยากพูดเยอะ มันจะสปอย
บทบาท 2 ตัวละครยอดเยี่ยมของเรื่อง
ผมจะหยิบตัวละครมา 2 ตัว ตัวแรกเลยคือน้องเออโร่น้องเฟอร์โร่ มีความน่ารักและความแบบฟรุ้งฟริ้ง ส่วนมากโลกสวยเป็นตัวละครที่ออกแบบมาได้ดี แล้วเหมาะกับคริสต์มาก เพราะว่าโค้ชเนี่ยตัวละครที่มองโลกในแง่ร้ายแล้วไป คนที่กล้าตัดสินใจต่างๆเขาค่อนข้างจะคิดที่แล้วพอมาเจอกับเฟอร์โร่ที่เป็นหมาที่เป็นขั้วตรงข้ามก็คือลงตัวเฉยเลย ถ้าคุณเห็นน่ะถ้าคุณไปดูมันจะเห็นว่าบางฉากคือแบบไม่ต้องคิดเยอะเลย น้องแค่เดินไปเนี่ยจบเลย ยังไงลองเปิดดูไม่ใช่อย่างนั้นลองเปิดแล้วเนี่ยจะเป็นตัวละครที่ทำให้คุณดูแล้วคุณรู้สึกว่าหัวใจคุณพองโต ตัวละครตัวนี้เนี่ยเป็นตัวละครที่มิติมันจะดูแบนๆจากความจริงมันหลายวิธีมากด้วยความที่มันเป็นตัวน่ารักสดใส เราดูออกง่ายตัวน้องเนี่ยดูออกง่ายตั้งแต่เริ่มจนจบก็คือรู้ได้เลยว่า ไอ้เนี่ยมันดีแน่ยังไงก็คนดีไม่มีทางหรอกพี่โผล่เป็นตัวร้ายอยู่แล้วที่ทะเลาะอะไรเนี่ยไม่มีทางโน้นบอกเลยว่าอีโนถ้าพ่อมันมีความแบบน่ารักฟาร์มอะไรอย่างนี้เยอะก็ถือว่าตัวละคร Galaxy ประสบความสำเร็จในเรื่องของความน่ารักไงที่มันขาด
และท้ายที่สุดก่อนจะสรุป ตัวร้ายของเรื่องของน่ากลัวมากจริงๆ ทุกๆการโผล่ออกมาและทุกคำพูด เกี่ยวกับการกระทำ นี่คือรายละเอียดที่ทำให้หนังต่างกันน่าดูเป็นกอง หน้าที่ของเขาไม่ใช่เป็นแค่ตัวร้ายภายในเรื่อง แต่มันส่งต่อความกลัวมาถึงคนดูได้จริงๆ นี่เป็นอีกหนึ่งตัวร้ายในอนิเมชั่นที่ผมจะจดจำไปอีกนานเลยครับ
บทสรุปภาพรวมของ Puss in Boots: The Last Wish
สรุปว่าผมเข้าไปดูเรื่องนี้ ด้วยความคาดหวังที่สูงมากๆ เพราะว่ารีวิวจากหลายที่เขาบอกว่ามันดีมากจริงๆ แล้วเมื่อผมเดินออกมาจากโรง ผมสมหวังมากครับ ไม่ใช่แค่ความสมหวังเท่านั้น แต่มันเกินความคาดหวังไปมากเลย นี่คือหนังดีรับปีใหม่ที่เราอยากให้ทุกคนได้ดู สามารถดูได้ทุกวัยและค่อนข้างมั่นใจว่ามันเล่าเรื่องราวคุณค่าของชีวิตได้ดีกว่าหนังดูยากบางเรื่องที่ต้องใช้ท่ายากในการเล่าแน่นอนครับ แต่ทั้งหมดที่ผมพูดมา คุณไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของคนที่ชอบดูหนังที่อยากให้คนที่ชอบดูหนังคล้ายๆกันได้มีช่วงเวลาดีๆในโลกภาพยนตร์ครับ สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรสุขใจเท่ากับการได้ดูหนังดีๆสักเรื่อง
และถ้าคุณชอบดูหนัง ผมก็คิดว่ามันเป็นหลักการเช่นเดียวกันครับ แต่ก็อย่างที่บอกทุกครั้งครับ สิบปากว่าหรือจะเท่าตาเห็น Puss in Boots: The Last Wish จะทำให้คุณประทับใจ สนุกและซึ้งได้หรือไม่ คุณเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ รีบๆกันหน่อยนะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามันจะอยู่ในโรงไปอีกนานไหม เป็นอนิเมะชั่นที่ไม่อยากให้พลาดจริงๆ